5 ข้อดีของนาโนแคลเซียมคาร์บอเนตต่อผู้ผลิตยาง
5 ข้อดีของนาโนแคลเซียมคาร์บอเนตต่อผู้ผลิตยาง
การผลิตชิ้นงานยาง มีการใช้แคลเซียมคาร์บอเนตมาตั้งแต่อดีต เริ่มจากใส่แคลเซียมบดหยาบหรือที่เรียกกันว่า แคลเซียมheavy เพื่อลดต้นทุน ต่อมาอุตสาหกรรมแคลเซียมพัฒนาขึ้น บดแร่ได้ละเอียดขึ้น โรงงานยางก็มีการเลือกใช้แคลเซียมเกรดละเอียด รวมถึงแคลเซียมเบา หรือ Precipitated Calcium เพื่อลดต้นทุนและเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติบางประการของชิ้นงานยางให้ดีขึ้น จนมาถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีใหม่ได้ช่วยให้เกิดการผลิตแคลเซียมสังเคราะห์ที่ละเอียดมากที่สุดจนถึงขนาด 0.02ไมครอน หรือเทียบได้เท่ากับ 20 นาโนเมตร เล็กขนาดไหน ก็ลองเทียบกับฝุ่น PM2.5 ที่เรากลัวกัน นาโนแคลเซียมจะมีขนาดเล็กกว่าเป็น 100 เท่าทีเดียว
ข้อดีในการเลือกใช้นาโนแคลเซียมทดแทนแคลเซียมบดละเอียดที่ใช้ในวงการยางโดยทั่วไปมีดังนี้
1. ช่วยให้ชิ้นงานได้ค่าการยืดตัวดีขึ้น
2. ค่าการทนย้วยและทนฉีกขาดสูงขึ้น
3. การเสียรูปหลังถูกบดอัดลดลง
4. อายุการใช้งานของชิ้นงานยางยาวนานขึ้น
5. เป็นสารเสริมแรงของชิ้นงานยางได้ดี รองจาก carbon black และ silica ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ มีราคาแพงกว่านาโนแคลเซียม
รู้ข้อดีกันแล้วขั้นถัดมา ถ้าจะเลือกใช้นาโนแคลเซียมในการผลิตชิ้นงานยาง มีข้อควรพิจารณาอะไรบ้าง
1. ขนาดของอนุภาค ค่าความละเอียดเฉลี่ยที่เหมาะสมของนาโนแคลเซียมสำหรับงานยางจะอยู่ระหว่าง 60-100 นาโนเมตรค่ะ
ถ้าใหญ่กว่านี้ข้อดี 5 ข้อก็จะลดประสิทธิภาพลง ถ้าละเอียดกว่านี้การกระจายตัวระหว่างผสมจะยากจนอาจเกิดปัญหาได้
2. ค่าการดูดซึมน้ำมัน หากเปรียบเทียบนาโนแคลเซียมด้วยกัน ตัวที่ละเอียดกว่าจะมีค่านี้สูงกว่า
ซึ่งจะทำให้ได้ค่าการเสริมแรงของชิ้นงานยางสูงขึ้นด้วย
3. ความชื้น ห้ามสูงกว่า 0.5% เพราะจะมีผลต่อระยะเวลาที่ยางจะสุกต้องนานเพิ่มขึ้น
4. ค่า pH ควรอยู่ระหว่าง 9.5-10.5 หาก pH ต่ำกว่านี้ยางจะสุกช้าลง เปลืองพลังงานมากขึ้น
#นาโนแคลเซียมคาร์บอเนต #นาโนแคลเซียม #แคลเซียมนาโน #นาโน #nanocalcium #nanocalciumcarbonate
22 ธันวาคม 2565
ผู้ชม 565 ครั้ง